บริษัท A ต้องการขายชิ้นส่วนให้แก่บริษัท B ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อนำไปผลิตสินค้าแล้วส่งออกไปนอกราชอาณาจักร บริษัท A ต้องติดต่อกรมศุลกากรหรือไม่ อย่างไร หน้าหลัก FAQ วันที่: 18 เมษายน 2562 10:38:56 จำนวนผู้เข้าชม: 10, 107 คำถาม: บริษัท A ต้องการขายชิ้นส่วนให้แก่บริษัท B ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อนำไปผลิตสินค้าแล้วส่งออกไปนอกราชอาณาจักร บริษัท A ต้องติดต่อกรมศุลกากรหรือไม่ อย่างไร คำตอบ: นิคมอุตสาหกรรมมีพื้นที่ 2 ประเภท คือ 1. เขตอุตสาหกรรมทั่วไป ( General Industrial Zone) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สามารถประกอบกิจการได้เช่นเดียวกับพื้นที่ทั่วไปในประเทศ เพียงแต่การนิคมอุตสาหกรรมกำกับดูแลการประกอบกิจการ 2.
ศ. 2535 หรือบริษัท จำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เฉพาะกรณีที่เป็นบริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และประสงค์ที่จะขอจัดตั้งเขตปลอดอากรในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร และฉะเชิงเทรา จะต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ในเขตพื้นที่อื่นจะต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท หรือมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วในจำนวนที่อธิบดีกรมศุลกากรเห็นว่าเหมาะสมกับประเภทของกิจการและเป็นกิจการที่มีฐานะทางการเงินมั่นคง ผู้ประกอบการในเขตปลอดอากรมีสิทธิประโยชน์มากมาย ดังนี้ 1. ยกเว้นอากรขาเข้า สำหรับของที่ได้นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อนำเข้าในเขตปลอดอากรในกรณี ดังต่อไปนี้ 1. 1 ของที่เป็นเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ รวมทั้งส่วนประกอบของของดังกล่าวที่จำเป็นต้องใช้ในการประกอบอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือกิจการอื่นใดที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ ตามที่อธิบดีอนุมัติ 1. 2 ของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรและนำเข้าไปในเขตปลอดอากร สำหรับใช้ในการประกอบอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือกิจการอื่นใดที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ 1. 3 ของที่ปล่อยออกมาจากเขตปลอดอากรอื่น 2.
ศ. ๒๕๒๒และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑. ๑ ความหมายของเขตประกอบการเสรี " เขตประกอบการเสรี " หมายความว่า เขตพื้นที่ที่กำหนดไว้สำหรับการประกอบอุตสาหกรรมพาณิชยกรรม หรือกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบอุตสาหกรรมหรือพาณิชยกรรมเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ การรักษาความมั่นคงของรัฐ สวัสดิภาพประชาชน การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม หรือความจำเป็นอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยของที่นำเข้าไปในเขตดังกล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี อากร และค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นตามที่กฎหมายบัญญัติ ๑.
122 ก็ได้ ทั้งนี้ บริษัท A ยังคงต้องจัดทำใบกำกับภาษี สำหรับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด วันที่ปรับปรุงล่าสุด: 8 สิงหาคม 2562 10:57:34 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: ศูนย์บริการศุลกากร สำนักงานเลขานุการกรม (ศบศ. สลข. ) กรมศุลกากร เลขที่ 1 ถ. สุนทรโกษา คลองเตย กทม. 10110 หมายเลขโทรศัพท์: 02-667-7000 ต่อ 20-5844 ถึง 20-5848
2535 ดังนั้น บริษัทฯ จึงไม่ต้องนำค่าตอบแทนที่ได้รับจากการขายสินค้ามารวมคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่ต้องออกใบกำกับภาษี แต่มีหน้าที่ต้องออกใบรับและใบส่งของตามมาตรา 105 และมาตรา 105 จัตวา แห่งประมวลรัษฎากร: (ข) หากบริษัทฯ ขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อสินค้าที่มิได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มค่าตอบแทนจากการขายสินค้าดังกล่าว บริษัทฯ ต้องนำมารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษีในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7. 0 ทั้งนี้ ตามมาตรา 79 และมาตรา 80(1) แห่งประมวลรัษฎากร เลขตู้:69/34044
การนำของเข้าเก็บในเขตปลอดอากร การนำของเข้าจากต่างประเทศ ให้จัดทำใบขนสินค้า Type 0 และระบุการใช้สิทธิประโยชน์ของเขตปลอดอากรในใบขนสินค้าด้วย การรับโอนของจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรอื่น เช่นรับโอนของตามมาตรา 29/คลังสินค้าทัณฑ์บน/เขตปลอดอากรอื่น/เขตประกอบการเสรี/ของที่ได้รับการส่งเสริมบีโอไอ ให้จัดทำใบขนสินค้า Type D และระบุการใช้สิทธิประโยชน์ของเขตปลอดอากรในใบขนสินค้าด้วย การนำของจากภายในประเทศ ให้จัดทำคำร้องแบบกศก. 122 หรือใบขนสินค้า Type D โดย ไม่ต้องระบุการใช้สิทธิประโยชน์ของเขตปลอดอากรในใบขนสินค้า 2. การนำของออกจากเขตปลอดอากร การนำของออกไปต่างประเทศ - ให้จัดทำใบขนสินค้า Type 1 การโอนของไปยังสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรอื่น โอนไป เขตปลอดอากรอื่น/เขตประกอบการเสรี ให้จัดทำใบขนสินค้า Type D โอนไป คลังสินค้าทัณฑ์บน /ของที่ได้รับการส่งเสริม บีโอไอ /ของตาม มาตรา 29 ให้จัดทำใบขนสินค้า Type C การนำของ เข้าภายในประเทศ – ให้จัดทำใบขนสินค้า Type P เพื่อชำระค่าภาษีอากร ตามสภาพแห่งของ ราคาศุลกากร และพิกัดอัตราศุลกากรที่เป็นอยู่ใน เวลาที่ปล่อยของนั้นออกไปจากเขตปลอดอากร การขออนุมัติทำลายของ ให้จัดทำคำร้องเพื่อขออนุมัติทำลายของและนำไปตัดบัญชีของคงคลังต่อไป 3.
กรณีการคำนวณมูลค่าของฐานภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำสินค้าออกจากเขตปลอดอากรโดยมิใช่เพื่อส่งออก เนื่องจากการนำสินค้าออกจากเขตปลอดอากรโดยมิใช่เพื่อการส่งออก ถือเป็นการนำเข้าสินค้าตามมาตรา 77/1(11) แห่งประมวลรัษฎากร ตาม 1. 2 ข้างต้น ซึ่งในการคำนวณมูลค่าของฐานภาษีให้คำนวณโดยใช้ราคา ซี. ไอ. เอฟ. ของสินค้า บวกกับอากรขาเข้า ภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนดในมาตรา 77/1(19) ค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นตามที่ได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ตามมาตรา 79/2(1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยราคา ซี.
ม. 1. พื้นที่ลานจอดรถ สำหรับจอดรถยนต์, รถจักรยานยนต์ และรถจักรยาน 2. พื้นที่วางตู้คอนเทรนเนอร์ สำหรับเก็บตู้คอนเทรนเนอร์ 3. พื้นที่โกดัง สำหรับฝากสินค้า, โรงผลิตสินค้า, โรงประกอบสินค้า, โรงปรับสภาพ 4.